กติกาและภาษาหมากรุกวิธีนับนับศักดิ์หมากรุก
ก่อนที่จะลงมือเดินหมากตาแรกกัน จำเป็นต้อง ทำความรู้จักกับกติกา
และภาษาหมากรุกที่เป็นพื้นฐานในการเล่นหมากรุกกันก่อน
ดังนี้.
เดิน
ในการเดินหมากผู้เล่นสลับกันเดินคนละ ๑ ครั้ง
ส่วนผู้เริ่มเดินหมากตาแรก
จะเป็นฝ่ายผู้เล่น
หมากขาว
ส่วนที่ว่าใครจะเดินหมากแดงหรือขาวนั้นแล้วแต่จะตกลงกัน
ยกเว้นในกรณีที่มีการแข่งขัน
จะต้องเสี่ยงทายกัน
เพราะผู้ได้เล่นหมากขาว
คือฝ่ายเดินก่อนมักจะเป็นฝ่ายได้เปรียบส่วนการจะเดินตาใดก่อนหลังนั้น
ไม่มีกติการกำหนดไว้ ยกเว้นเมื่อคู่ต่อสู้
เดินหมากตัวใดตัวหนึ่งมารุกขุน จะต้องเดินขุนก่อนเสมอ
เว้นเสียแต่ว่า
สามารถเดินหมากตัวอื่นมาปิดตารุกได้
ก็ไม่ต้องเดินขุน
ผูก คือการเดินหมาก ให้อยู่ในตำแหน่ง ที่มี หมากตัวอื่นคุ้มกันเชื่อมโยงถึงกันตลอด
หากคู่ต่อสู้
กินหมากตัวใดตัวหนึ่ง
ก็สามารกินตอบโต้ได้ทันที่ผู้ที่จะเล่นหมากรุกเก่งได้
จะต้องสามารถเดินหมาก
ให้ผูกคล้องกันเป็นสายโซ่
ขาด มีความหมายตรงกันข้ามกับผูก คือการเดินหมากที่ตัวหมากอยู่กระจัดกระจาย
ขาดตัวคุ้มกัน
ซึ่งกันและกัน
หากคู่ต่อสู้กินหมากตัวใดตัวหนึ่งได้จะทำให้หมากตัวอื่นๆ
พลอยถูกกินไปด้วย ซึ่งจะเป็น
เหตุให้พ่ายแพ้ได้ในที่สุด
กิน คือการกำจัดหมากคู่ต่อสู้
ออกไปจากกระ ดาน การกินกันจะเกิดขึ้น
เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สามารถเดินหมาก
เข้าไปทับที่หมากของคู่ต่อสู้ได้โดยการยกหมากคู่ต่อสู้ออก
แล้ววางหมากของตน
ลงไปแทนที่ หมากทุกตัวกินกันได้หมด
ยกเว้น ขุนห้ามกินเด็ดขาด
รุก
เป็นการเดินหมากตัวใดตัวหนึ่ง เข้าไปยังตา
ที่สามารถจะกินขุนได้
แต่เนื่องจากมีกติกาห้ามกินขุนฝ่ายที่จะถูกกินขุน
จะต้องเดินขุนหลบ หรือเดินหมาก ตัวอื่นมาบัง
หรือกินหมากตัวที่บังอาจมารุก ขุน ก็ได้ถ้าไม่อยู่ในตาที่หมากคู่ต่อสู้ตัวอื่นยืนจ้องรุกขุนอยู่ก่อน
รุกฆาต กรณีคล้ายกับการรุก
แต่เป็นการเดินหมาก
ที่สามารถจะกินหมากคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ ๒ ตัวขึ้นไป ซึ่งในจำนวน
หมากที่จะถูกกินนั้น จะต้อง มีขุนอยู่ด้วยฝ่ายที่ถูกรุกฆาต
จะต้องเดินขุนหลบ โดยต้องจำยอมให้หมากตัวใดตัวหนึ่ง ถูกกินฟรี
เปิดรุก
คือการเดินหมากตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อเปิดทางให้หมากตัวหลังรุก
ขุน ได้ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเรือที่อาจอยู่ห่างจากขุนถึง
๘ ตา ซึ่งบางครั้งคู่ต่อสู้ ไม่ทันได้มองจึงมีมารยาทในการเล่นหมากรุกอยู่ว่า ฝ่ายที่รุกจะต้องบอก
ให้ฝ่ายถูกรุกทราบ ว่าเปิดรุกแล้วนะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามหาทางหลบขุนไป
หรือเดินหมากตัวอื่นมาบังหน้าขุนไว้ ภาษาหมากรุก เรียกว่า
"เปิดรุก"อับ / เสมอ
หมากอับคือการที่ขุนหมดตาเดินอันเนื่องมาจากถูกหมากคู่ต่อสู้ล้อมไว้ทุกด้าน
โดยไม่มีตารุก มักเกิดขึ้นใน ๒ กรณี คือเกิดจากการเดิน
พลั้งเผลอหรือจงใจเดินเข้าตาอับ
การตั้งใจเดินหมากให้อับ เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเล่นหมากรุก
เมื่อฝ่ายตกเป็นลองเห็นว่า มีโอกาสแพ้สูง
ก็ใช้กลวิธีเดินหมากให้อับ เพราะตามกติกาการเล่นหมากรุก หมากอับถือว่าเสมอกัน เสมอ การเสมอกันในการเล่นหมากรุก
เกิดขึ้นได้ ๒ กรณีด้วยกัน กรณีแรกเกิดจากการเดินหมาก
เข้าตาอับ ตามที่กล่าวแล้ว กรณีที่สองเกิดจากการไล่ไม่จน
ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจ คือ
ในการเล่นหมากรุก จะมีระยะการเล่นอยู่ ๓ ระยะด้วยกัน
เรียกว่าระยะต้นกระดาน ระยะกลาง
กระดาน และระยะปลายกระดาน
ระยะต้นกระดาน เป็นการขึ้นหมากดูเชิง ชิงไหวชิงพริบกัน
ระยะกลางกระดานจะเริ่มประหมัด กินตัวกันไปเรื่อย
จนกว่าจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เกิดขึ้น
ก็จะเข้าสู่ระยะที่สามในระยะที่ ๓ นี้ ฝ่ายเสียเปรียบ ซึ่งโดยปกติจะเป็นฝ่ายที่เหลือตัวน้อยกว่า
จะเป็นฝ่ายตั้งรับ ฝ่ายได้เปรียบจะเป็นฝ่ายรุกไล่
หากไล่ครบตามกติกาแล้ว ฝ่ายหนียังหนีไปได้ไล่ไม่จน
ให้ถือว่าหมากกระดานนั้นเสมอกัน
กติกาการไล่หมาก ยังมีรายละเอียดที่ต้อง
ทำความเข้าใจเพิ่มเติมอีก ในย่อหน้าต่อ ๆ ไป
จน / แพ้ การแพ้ชนะของหมากรุก นั้น
ไม่ได้ดู ที่หมากใครเหลือมากเหลือน้อย แต่ถือตัว ขุน
เป็นเกณฑ์ขุน ฝ่ายใดถูกรุกจน ฝ่ายนั้นคือฝ่ายแพ้
ฝ่ายผู้รุกเป็นฝ่ายชนะ
การจนจะเกิดขึ้นเมื่อขุนฝ่ายใดก็ตาม ถูกคู่ต่อสู้ใช้หมากตัวใดตัวหนึ่งรุก
แล้วไม่มีทาง เนื่องจากเดินไปตาใดก็เป็น ตาที่จะถูกกิน
อย่างนี้เรียกว่า จนคือแพ
กติกาการไล่หมาก
ในการรุกไล่ขุนคู่ต่อสู้ให้จนนั้น
จะมีเรื่องกติกาในการนับ เข้ามาเกี่ยวข้อง ๒ วิธี คือนับศักดิ์กระดาน
ซึ่งมีค่าเท่ากับ ๖๔ คือไล่ได้ ๖๔ ตาตามจำนวนตารางหมากรุก
และการนับศักดิ์หมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไล่
ว่าไล่ด้วยหมากตัวใด จำนวนตา (ครั้ง)ที่จะไล่ได้
ก็ขึ้นอยู่กับศํกดิ์ของหมากตัวนั้น ๆ
กรณีที่หนึ่งนับศักดิ์กระดาน จะเกิดขึ้นได้เมื่อเบี้ยของผู้เล่นทั้ง
๒ ฝ่าย เป็นเบี้ยหงายหมดทุกตัว และฝ่ายเสียเปรียบ
เห็นว่าตนเองมีโอกาสแพ้สูง จึงใช้สิทธ์ขอนับศักดิ์กระดาน
คือนับ ๖๔ ครั้ง เพื่อหาโอกาสเอาเสมอ
วิธีนับศักดิ์กระดาน
เมื่อฝ่ายเสียเปรียบเริ่มเดิน ก็ให้นับ
๑ ดัง ๆ พอที่คู่ต่อสู้ได้ยิน และเมื่อเดินตาต่อ ๆ ไป ก็นับ
๒
๓
ไปตามลำดับ หากฝ่ายไล่รุกไล่จนครบ ๖๔ครั้งแล้ว
ครั้งที่ ๖๕ ฝ่ายหนี ยังเดินต่อไปได้อีก ก็ให้
ถือว่าหมากเสมอกันไม่มีการแพ้ชนะ
นอกจากนี้ ขณะที่มีการรุกไล่กันอยู่นั้น หากมีการ
กินกัน
จนฝ่ายถูกไล่เหลือขุนเพียงตัวเดียว จะต้องยุติการนับศักดิ์กระดานทันที
และเปลี่ยนมาเป็นการนับศักดิ์หมากแทน ดังนี้.-
วิธีนับนับศักดิ์หมาก ก่อนลงมือนับศักดิ์หมาก ผู้เล่นทั้ง
๒ ฝ่ายต้องสำรวจหมากบนกระดาน ว่าเหลือหมากอะไรบ้างและมีจำนวนเท่าไร
เนื่องจากหมากแต่ละตัวมีศักดิ์ หรืออาวุโสแตกต่างกัน เช่น
ฝ่ายไล่มีเรือ ม้า โคนให้นับศักดิ์เรือ
ถ้าไม่มีเรือจึงนับศักดิ์ ม้า ถ้าไม่มี ม้าจึงนับศักดิ์
โคน และถ้าไม่มี เรือ ม้า หรือ โคนอยู่เลยก็ให้ไปนับศักดิ์
เม็ด หรือเบี้ยหงาย ตามลำดับ
ยกตัวอย่างการนับ สมมุติว่าฝ่ายไล่มีเรือ ๑ ลำ
ม้า ๑ ตัว เบี้ยหงาย ๑ กับ ขุน อีก ๑
เท่ากับว่าฝ่ายไล่มีหมากทั้งหมด ๔ ตัว
ฝ่ายถูกไล่แน่นอนว่าต้องเหลือท่านผู้อ่านได้ทราบถึงพื้นฐาน การเล่นหมากรุกไทยมาถึงขั้นตอนนี้
ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการฝึกเล่นหมากรุกแล้ว
บางท่านอาจจะนึกสนุกอยากลองเดินหมาก ดูบ้างก็เป็นได้
คราวนี้เรามาดูถึงวิธีเดินหมาก
ตาแรกหรือภาษาหมากรุก เรียกว่า การขึ้นหมาก ดูบ้างตามที่กกล่าว
ไว้ในเบื้องต้นแล้วว่า ไม่มีกติกา
กำหนดไว้ว่าจะต้องขึ้น
หมากตัวใดก่อน แต่ในทางปฏิบัติ สำหรับมือสมัครเล่น
อนุญาตให้ขึ้นหมากแบบ "สูตรเม็ด"
ได้ คือให้เดิน เบี้ยตา ๓จ ขึ้นไปตา ๔จ
จากนั้นก็เดินเม็ด ตา ๑จ ขึ้นไปแทนที่ เบี้ย ตา ๓จ
(ดูภาพประกอบการขึ้นหมากสูตรเม็ด)วิธีนี้เท่ากับอนุญาตให้เดินเม็ดได้ ๓
ตารวดการขึ้นหมากสูตรเม็ดนี้
เป็นการป้องกันคู่ต่อสู้ฉวยโอกาสโจมตีได้
เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ป้องกันตัวไว้แต่แรก
สนามภูธรนิยมขึ้นหมากสูตรนี้กัน สำหรับการเล่นทั่ว ๆ ไปนั้น
จะเดินหมากตัวใดก่อนนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของผู้เล่นแต่ละคนซึ่งก็มีสูตรสำเร็จอยู่หลายแบบ
เช่น กระแตแยกเขี้ยวสิงห์โตล่อแก้ว ม้าเทียมรถ ม้าผูก ม้าโยง
เป็นต้น
หน้าแรก ตัวหมากรุก พื้นฐาน กติกา หมากรุกคอม เว็บผู้จัดทำ